วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน


ตราไปรษณียากรไทย

         นอกจากเราจะนิยมสะสมดวงตราไปรษณียากร หรือแสตมป์ (stamp) แล้ว ยังมีผู้นิยมสะสมรอยประทับบนแสตมป์ ไปรษณียบัตร ตลอดจนจดหมายอากาศรุ่นต่างๆ ดังนั้น นอกจากการสะสมแสตมป์ให้ครบชุด เราอาจจะสะสม และศึกษาตราไปรษณียากรในรูปแบบต่างๆ ได้หลายรูปแบบ เช่น 

 
  ๑. สะสมแบบศึกษาเชิงประวัติไปรษณีย์ (postal history)
เป็นการสะสมเฉพาะแสตมป์ที่ใช้แล้วเท่านั้น แสตมป์ที่นิยมสะสมนี้จะเป็นแสตมป์ ที่มีตราประทับที่สำคัญ บ่งบอกถึงความเป็นมาในอดีต เป็นแสตมป์เดี่ยว หรือผนึกอยู่บนซอง ก็ได้ เช่น ตราประทับ KEDAH -ไทรบุรี ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐไทรบุรีเคยอยู่ในการปกครอง ของไทย และซองผนึกแสตมป์ สเตรตส์เซตเทิลเมนตส์ประทับ"B" แสดงให้เห็นว่าในอดีต เราเคยขอยืมแสตมป์จากสเตรตส์เซตเทิลเมนตส์ มาใช้ในการส่งจดหมายออกไปยังต่าง ประเทศ เป็นต้น
การสะสมแสตมป์แบบศึกษาเชิงประวัติไปรษณีย์
การสะสมแสตมป์แบบศึกษาเชิงประวัติไปรษณีย์

การสะสมแสตมป์เฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง         ๒. สะสมเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง (thematics)
เป็นการสะสมเพื่อศึกษาถึงความเป็นมา ของการไปรษณีย์ของประเทศใดประเทศหนึ่ง แล้วผนึกบนซอง ไปรษณียบัตร และจดหมายอากาศในชุดหรือเรื่องเดียวกัน เช่น ชุดภาพ นก ปลา ผีเสื้อ สัตว์ป่า รถ เรือ รถไฟ ดอกไม้ ผลไม้ การกีฬา ธงชาติ ลูกเสือ สัปดาห์สากล แห่งการเขียนจดหมาย บุคคลสำคัญ ศิลปวัตถุโบราณ และจิตรกรรม เป็นต้น
การสะสมแสตมป์เฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

        ๓. สะสมเชิงตำนานไปรษณีย์ (traditional, classics)
เป็นการสะสมเพื่อศึกษาถึงความเป็นมาของการไปรษณีย์ของประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยเฉพาะ อาจจะสะสมตั้งแต่เริ่มมีการส่งจดหมายเข้า-ออกจากประเทศ มาจนถึงสมัยใด สมัยหนึ่ง เพื่อศึกษาวิวัฒนาการการไปรษณีย์ของประเทศนั้นๆ มาเป็นลำดับ ตามหลัก สากลถือว่า การสะสมแสตมป์ในช่วงก่อน พ.ศ. ๒๔๑๘ นั้นเป็นการสะสมเชิงตำนาน ไปรษณีย์ที่แท้จริง แต่ก็อนุโลมใช้กับการสะสมแสตมป์ที่หายากที่ใช้หลังจากช่วงนั้นได้ โดยปกติ การสะสมในเชิงตำนานไปรษณีย์นี้ นิยมสะสมแสตมป์ที่ออกตั้งแต่ระยะแรกของการไปรษณีย์ในแต่ละประเทศ เรื่อยลงมาถึงระยะใดระยะหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ในการศึกษา ความเป็นมาของการไปรษณีย์ไทย ก็จะสะสมสิ่งที่ใช้แทนแสตมป์ ในสมัยก่อนการใช้แสตมป์ ที่แท้จริง มาจนถึงระยะที่ขอยืมแสตมป์จากประเทศอื่นมาใช้ และระยะที่มีแสตมป์ชุดแรก ออกใช้เองเป็นชุดที่ ๑ วิวัฒนาการเป็นชุดที่ ๒ ชุดที่ ๓ เรื่อยมา เป็นต้น
การสะสมแสตมป์เชิงตำนานไปรษณีย์
การสะสมแสตมป์เชิงตำนานไปรษณีย์

        ๔. สะสมเฉพาะตราประทับบนแสตมป์ (postmark)
เป็นการสะสมเฉพาะตราประทับต่างๆ ของที่ทำการไปรษณีย์บนดวงแสตมป์ จะเป็นตราประทับในช่วงระยะเวลาปัจจุบัน หรือในอดีตก็ได้ ถ้าแสตมป์ที่มีตราประทับที่หายาก ยังคงผนึกอยู่บนซองก็ให้สะสมไว้ทั้งซอง ไม่ควรแช่น้ำลอกแสตมป์ออกจากซอง ตัวอย่าง การสะสมตราประทับนี้ ได้แก่ สะสมตราประทับประจำวันทุกที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ ไทยในสมัยใดสมัยหนึ่ง สะสมตราประจำวันและตราประทับพิเศษในงานแสดงนิทรรศการ ไปรษณีย์งานใดงานหนึ่ง เป็นต้น
ตัวอย่างแสตมป์สเตรตส์เซตเทิลเมนตส์ที่นำมาใช้ มีตราประทับกงสุลอเมริกัน กงสุลอังกฤษ และ
ตัวอย่างแสตมป์สเตรตส์เซตเทิลเมนตส์ที่นำมาใช้ มีตราประทับกงสุลอเมริกัน กงสุลอังกฤษ และ Bangkok

การสะสมไปรษณียบัตร
        ๕. สะสมสิ่งจำหน่ายเพื่อการสะสม (postal stationary)
เป็นการสะสมไปรษณียบัตรรวมถึงกระดาษต่างๆ ที่มีตราไปรษณียากรพิมพ์ติดอยู่ ใช้ส่งทางไปรษณีย์ได้ทันที โดยสะสมสิ่งเหล่านี้ให้ครบในสมัยใดสมัยหนึ่ง หรือหลายประเทศ ในช่วงเวลาหนึ่งๆ ก็ได้ ปัจจุบันมีผู้สะสมไปรษณียบัตรรุ่นแรกของทุกประเทศทั่วโลก และเคยได้รับรางวัลระดับสูงของโลกมาแล้ว

การสะสมไปรษณียบัตร

        ๖. สะสมจดหมายไปรษณีย์อากาศ และเรื่องเกี่ยวกับการบิน (aerogram and aerophilately
เป็นการสะสมแบบหนึ่งที่มีผู้นิยมมากในขณะนี้ อาจสะสมจดหมายหรือไปรษณีย์ อากาศที่ส่งไปกับเที่ยวบินเที่ยวแรก หรือที่ส่งไปกับเรือเหาะต่างๆ นอกจากนี้ ยังเคยมีผู้นำ จดหมายส่งไปกับยานอากาศที่เดินทางไปดวงจันทร์ และนำกลับลงมาสู่พื้นโลกออกแสดง แก่ประชาชนอีกด้วย
แสตมป์ชุดปีกครุฑ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๓
แสตมป์ชุดปีกครุฑ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๓ 

มูลค่าของตราไปรษณียากรนั้นอยู่กับสภาพ ความหายาก และความนิยมสะสม เป็นสำคัญ เช่น แสตมป์ที่มีรอยปรุหรือที่เรียกกันว่า ฟันของแสตมป์ขาดชำรุด แสตมป์ที่มีสภาพ เหลืองหรือแตกกรอบ แสตมป์ที่ยังไม่ได้ใช้ แสตมป์ที่ไม่มีกาวทางด้านหลังหรือมีกาวในสภาพไม่ดี เหล่านี้ถือว่ามีสภาพไม่สมบูรณ์ มูลค่าย่อมลดลงตามแต่สภาพ
ซองเที่ยวบินแรก (ซ้าย) ส่งจากกรุงเทพฯ ไปจันทบุรี เมื่อ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๒(กลาง) ส่งจากจันทบุรีไปกรุงเทพฯ เมื่อ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๒ (ขวา)ส่งจากร้อยเอ็ดไปนครราชสีมา เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๘ เป็นซองลงทะเบียน 

การรักษาสภาพเดิมของแสตมป์หรือตราไปรษณียากรให้คงทน  ดังนี้ 
๑. เก็บตราไปรษณียากรใส่ลงในเมานต์หรือซองสำหรับใส่ตราไปรษณียากร (mount) ก่อนนำใส่อัลบัม กรอบ หรือซองนี้มีหลายขนาด
๒. เก็บไว้ในที่ที่อากาศไม่ร้อนจัด และหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรง
๓. เก็บไว้ในที่ที่อากาศไม่ชื้นจัด เพราะความชื้นจะทำให้แสตมป์เหลือง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้มือจับแสตมป์โดยตรง เพราะมือของเราสกปรกและมีความชื้นจะทำให้ แสตมป์เสีย หรือฟันขาดชำรุดได้ ให้ใช้คีมคีบแสตมป์แทน
ตราไปรษณียากรของไทย แสดงถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานน่าภาคภูมิใจของ ปวงชนชาวไทย เราชาวไทยจึงควรหันมาสะสมตราไปรษณียากรของไทยเราและช่วยสร้าง ชื่อเสียงในวงการไปรษณีย์ให้เป็นที่ประจักษ์แก่คนต่างชาติ เพื่อให้เยาวชน และบุคคลทั่วไป ได้เข้าใจถึงการสะสมมากขึ้น การสื่อสารแห่งประเทศไทยได้จัดนิทรรศการทางการไปรษณีย์ และจัดประกวดแสตมป์ ตลอดจนออกตราไปรษณียากรรุ่นใหม่ๆ เป็นภาพศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และสิ่งต่างๆ อันสร้างความภูมิใจให้แก่ประเทศของเราเสมอมา เราควรช่วยกันสร้างความนิยมในการสะสมแสตมป์ให้แพร่หลายยิ่งขึ้น






ทีวีดิจิตอล (Digital television)

             ทีวีดิจิตอลหรือโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (Digital television) เป็นระบบการส่งผ่านสัญญาณภาพวีดีโอและเสียงโดยระบบดิจิตอล ซึ่งแต่เดิมระบบการรับสัญญาณโทรทัศน์ในบ้านเราใช้เป็นระบบ อะนาล็อก โดยระบบดิจิตอลมีจุดเด่นกว่าระบบอนาล็อกทั้งในด้านความคมชัดของภาพและเสียง และการส่งข้อมูลแบบดิจิตอลสามารถส่งข้อมูลได้มากกว่าแบบเดิม (Multicasting) ซึ่งตอนนี้หลายๆ ประเทศได้ทําการพัฒนาระบบการรับส่งสัญญาณดิจิตอลไปอีกระดับแล้วครับ เช่น โทรทัศน์จอกว้าง ( WIDE SCREEN ) โทรทัศน์ความคมชัดสูง ( HDTV ) ในขณะที่ระบบอะนาล็อกไม่สามารถพัฒนาประสิทธิภาพได้ ซึ่ง ระบบสัญญาณดิจิตอลเกิดขึ้นมาจากการนําระบบคอมพิวเตอร์นํามาพัฒนาใช้ในการช่วย โทรทัศน์ แล้วจึงได้มีการปรับปรุงโทรทัศน์ให้ใช้ระบบดิจิตอล 

           หากที่บ้านใช้โทรทัศน์ระบบอนาล็อก

           โทรทัศน์ที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นจอตู้หรือจอแบน สามารถใช้เสาหนวดกุ้งหรือก้างปลาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโทรทัศน์ใหม่ให้เปลืองเงิน เพราะเพียงแค่ซื้อกล่องแปลงสัญญาณ หรือ Set Top Box ที่เป็นระบบ DVB-T2 มาเชื่อมต่อกับเครื่องโทรทัศน์เดิมผ่านช่อง AV สีแดงขาวเหลือง ก็จะช่วยเปลี่ยนสัญญาณจากระบบอนาล็อกมาเป็นระบบดิจิตอลได้แล้ว โดยมีหนวดกุ้งหรือเสาก้างปลาเป็นตัวรับสัญญาณ

           ทีวีดิจิตอลของไทยจะมีทั้งหมดกี่ช่อง ?

           สำหรับระบบโทรทัศน์รูปแบบใหม่ของประเทศไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2557 นี้ จะใช้ระบบ DVB-T2 ซึ่งเป็นระบบ Mpeg4 เป็นมาตรฐาน โดยทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้กำหนดให้เพิ่มช่องรายการโทรทัศน์ภาคพื้นดินของประเทศไทยเพิ่มเป็น 48 ช่อง แบ่งเป็นช่องฟรีทีวีที่ออกอากาศผ่านระบบเดิม (อนาล็อก) จำนวน 6 ช่อง ส่วนอีก 42 ช่อง จะเป็นช่องฟรีทีวีที่ออกอากาศในระบบดิจิตอล ทั้งนี้ จำนวน 48 ช่องนี้ ยังแบ่งออกได้อีกตามรูปแบบของช่อง คือ
           สำหรับระบบโทรทัศน์รูปแบบใหม่ของประเทศไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2557 นี้ จะใช้ระบบ DVB-T2 ซึ่งเป็นระบบ Mpeg4 เป็นมาตรฐาน โดยทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้กำหนดให้เพิ่มช่องรายการโทรทัศน์ภาคพื้นดินของประเทศไทยเพิ่มเป็น 48 ช่อง แบ่งเป็นช่องฟรีทีวีที่ออกอากาศผ่านระบบเดิม (อนาล็อก) จำนวน 6 ช่อง ส่วนอีก 42 ช่อง จะเป็นช่องฟรีทีวีที่ออกอากาศในระบบดิจิตอล ทั้งนี้ จำนวน 48 ช่องนี้ ยังแบ่งออกได้อีกตามรูปแบบของช่อง คือ

          ช่องรายการทีวีดิจิตอล หมวดสาธารณะ 12 ช่อง

          ออกอากาศทางช่อง 1-12 เช่น ช่อง 5, NBT, TPBS ฯลฯ  
           ช่องธุรกิจ 24 ช่อง ประกอบด้วย
           ช่องเด็ก เยาวชน และครอบครัว 3 ช่อง คือ
                ช่อง 13 - BEC (ช่อง 3)
                ช่อง 14 - MCOT
                 ช่อง 15 - TV Pool
          ช่องข่าวสารและสาระ 7 ช่อง คือ
                ช่อง 16 - TNN
                ช่อง 17 - TVPool
                ช่อง 18 - Dailynews
                ช่อง 19 - Spring News
                ช่อง 20 - สามเอ (Bright TV)
                ช่อง 21 - Voice TV
                ช่อง 22 - Nation
         ช่องวาไรตี้ ความคมชัดระดับปกติ (SD) 7 ช่อง คือ
                ช่อง 23 - Workpoint
                ช่อง 24 - True
                ช่อง 25 - GMM
         ช่อง 26 - กรุงเทพธุรกิจทีวี (เครือ Nation)
                ช่อง 27 - RS
                ช่อง 28 - BEC
                ช่อง 29 - MONO
           ช่องวาไรตี้ ความคมชัดสูง (HD) 7 ช่อง คือ
                ช่อง 30 - MCOT
                ช่อง 31 - GMM
                ช่อง 32 - ไทยรัฐ
                ช่อง 33 - BEC (ช่อง 3)
                ช่อง 34 - AMRIN
                ช่อง 35 - ช่อง 7
                ช่อง 36 - PPTV
           ช่องบริการชุมชน 12 ช่อง
                      คือ  ช่องทีวีเคเบิ้ลท้องถิ่น หรือช่องรายการทีวีดาวเทียมท้องถิ่น ซึ่งแต่ละจังหวัดจะรับชมได้ในรายการที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้น ๆ
            ข้อดี
1. โทรทัศน์ในระบบดิจิตอลมีความชมชัดของภาพที่ดีกว่าเดิมมาก และหากต้องการคุณภาพสูงยิ่งขึ้นไปอีกก็สามารถพัฒนาเป็นระดับความคมชัดสูง (High Definition หรือ HD) และความคมชัดสูงพิเศษ (Ultra High Definition หรือ UHD) 
2. ไม่มีปัญหาเรื่องสัญญาณรบกวนกัน หรือสัญญาณสะท้อนจากอาคารหรือสิ่งกายภาพธรรมชาติขนาดใหญ่ ดังนั้นภาพจะใส คม ไม่มีภาพล้ม ภาพซ้อน หรือภาพเงา (Ghost Immage)
3. สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์สื่อสารอีเล็กโทรนิกซ์สมัยใหม่ที่จะมีเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลาในอนาคต เช่น อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นบลูเรย์ และบริการเสริมใหม่ๆ
4. มีประสิทธิภาพในการใช้คลื่นดีกว่า แถบความถี่คลื่นขนาดเดียวกันที่ใช้ส่งโทรทัศน์ในระบบอนาล็อกเดิม เมื่อเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอลแล้ว สามารถใช้ส่งสัญญาณโทรทัศน์ได้มากกว่า 6 ช่องขึ้นไป (จากการคำนวนและทดลองของกสทช. สามารถทำได้ถึง 14 ช่องทีวีดิจิตอลต่อหนึ่งมัลติเพล็กซ์)
5. ไม่ต้องเสียแถบคลื่นความถี่เพื่อใช้ป้องกันการรบกวนกันเองของช่องทีวี (Guard Band)เช่นในระบบอนาล็กเดิมต้องเว้นช่อง 2 4 6 8 10 ไว้โดยไม่ได้ใช้
6. การส่งสัญญาณออกอากาศในระบบดิจิตอลกินไฟน้อยกว่า ดังนั้นดิจิตอลทีวีจะช่วยลดต้นทุนการประกอบกิจการโทรทัศน์ในเรื่องค่าไฟฟ้าและจะช่วยถนอมสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่า
           ข้อเสีย
1. หากอยู่ใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้าหรือแม่เหล็ก จะส่งผลให้ภาพไม่คมชัด โดยเฉพาะช่องต่ํา
2. หากมีสัญญาณอื่นที่ส่งมาจากสถานีวิทยุหรือโทรทัศน์มารบกวน จะทําให้การรับสัญญาณไม่คมชัด
3. หาก โทรทัศน์ที่รับสัญญาณอยู่ในพื้นที่ที่มีสิ่งปลูกสร้างอย่างตึก หรือภูเขาบังการรับสัญญาณโทรทัศน์ทําให้ให้เครื่องรับไม่สามารถรับสัญญาณได้ดี
4. แบบอะนาล็อกไม่สามารถบีบอัดสัญญาณได้ ทําให้ต้องใช้ความถี่มากในการส่ง ทําให้มีสถานีน้อย
5. การส่งสัญญาณอื่นๆ ไปร่วมกันสัญญาณแบบอะนาล็อกทําได้โดยยาก เพราะจะมีผลต่อการรบกวนคลื่นสัญญาณ
6. ช่องสัญญาณน้อย ไม่พอการใช้งานที่มีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ




คำขวัญวันเด็ก

             คำขวัญวันเด็ก เป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญวันเด็กให้ จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
2499
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม
2502
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า
2503
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด
2504
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย
2505
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด
2506
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด
2507
จอมพลถนอม กิตติขจร
ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
2508
จอมพลถนอม กิตติขจร
เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี
2509
จอมพลถนอม กิตติขจร
เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี
2510
จอมพลถนอม กิตติขจร
อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย
2511
จอมพลถนอม กิตติขจร
ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง
2512
จอมพลถนอม กิตติขจร
รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ
2513
จอมพลถนอม กิตติขจร
เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส
2514
จอมพลถนอม กิตติขจร
ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ
2515
จอมพลถนอม กิตติขจร
เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ
2516
จอมพลถนอม กิตติขจร
เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
2517
สัญญา ธรรมศักดิ์
สามัคคีคือพลัง
2518
สัญญา ธรรมศักดิ์
เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี
2519
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้
2520
ธานินทร์ กรัยวิเชียร
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย
2521
พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง
2522
พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
เด็กไทยคือหัวใจของชาติ
2523
พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
2524
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม
2525
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
2526
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม
2527
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา
2528
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
2529
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2530
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2531
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2532
พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2533
พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2534
พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา
2535
อานันท์ ปันยารชุน
สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม
2536
ชวน หลีกภัย
ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
2537
ชวน หลีกภัย
ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
2538
ชวน หลีกภัย
สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
2539
บรรหาร ศิลปอาชา
มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด
2540
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด
2541
ชวน หลีกภัย
ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
2542
ชวน หลีกภัย
ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
2543
ชวน หลีกภัย
มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
2544
ชวน หลีกภัย
มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
2545
พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร
เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส
2546
พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร
เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี
2547
พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร
รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน
2548
พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร
เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด
2549
พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร
อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด
2550
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข
2551
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม
2552
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี
2553
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม
2554
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ
2555
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี
2556
2557
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน
กตัญญู รู้หน้าที่ เป็นเด็กดี มีวินัย สร้างไทย ให้มั่นคง